จากกรณีรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผห 5347 เชียงใหม่ เฉี่ยวชนรถตู้โรงพยาบาลพร้าว หมายเลขทะเบียน จง 8142 เชียงใหม่ บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 1001 เชียงใหม่-พร้าว หมู่ 6 ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 6 ราย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้ตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ทันทีและจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผห 5347 เชียงใหม่ จัดทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 7 มีนาคม 2567 ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 กรมธรรม์ให้ควา,คุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน
ในส่วนของรถตู้โรงพยาบาล หมายเลขทะเบียน จง 8142 เชียงใหม่ จััดทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคนและกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน นอกจากนี้มีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ไว้กับบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มความคุ้มครองวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก 5,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อรถยนต์ 980,000 บาท รถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ 980,000 บาท สำหรับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร (ร.ย. 01) ผู้ขับขี่/ผู้โดยสาร 6 คน ๆ ละ 2,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล (ร.ย. 02) จำนวน 500,000 บาทต่อคน ประกันตัวผู้ขับขี่ (ร.ย. 03) 200,000 บาทต่อครั้ง
สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะนี้ผลคดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นทายาทโดยธรรมของผู้ประสบอุบัติเหตุที่เสียชีวิต จำนวน 4 ราย จะได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย ดังนี้
1. ผู้ขับขี่รถกระบะมีสิทธิได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพ จากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 35,000 บาท
2. ผู้โดยสารรถกระบะที่เสียชีวิต จำนวน 2 ราย มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 500,000 บาท
3. ผู้โดยสารรถตู้โรงพยาบาลที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 500,000 บาท และจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 กรณีความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ รายละ 2,000,000 บาท รวมเป็นเงินที่ทายาทจะได้รับรายละ 2,500,000 บาท
4. ผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแม่แตง โรงพยาบาลพร้าว โรงพยาบาลสันทราย โรงพยาบาลนครพิงค์ สำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเข้าไปอำนวยความสะดวกและรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง โดยผู้บาดเจ็บไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาตามสิทธิแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานงานกับบริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาเชียงใหม่ และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อรวบรวมเอกสารและอำนวยความสะดวกเพื่อดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอทายาทโดยธรรมจัดเตรียมเอกสารให้แก่บริษัทประกันภัย
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างบูรณาการร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้ประสบภัยหรือผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยก็จะได้รับสิทธิตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ