Sunday, 22 December 2024 - 8 : 25 am
spot_img
spot_img
spot_img

Splendor-Biz

สื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ครบครันบนโลกออนไลน์

spot_img
spot_img
spot_img
Sunday, 22 December 2024 - 8 : 25 am

ส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลไทยอาจหดตัว 0.8% ในปี 2567 การเป็นฮับฮาลาลภูมิภาค ยังค่อนข้างท้าทาย

  • การส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลของไทยในปี 2567 อาจหดตัว 0.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากแรงกดดันด้านผลผลิตและราคา การแข่งขันกับผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกในหลายรายการ และผลของฐานที่สูงในปีก่อน
  • อย่างไรก็ตาม อาหารและเครื่องดื่มฮาลาลของไทยในเวทีโลก ยังนับว่าเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะหากสามารถปลดล็อกด้านการสร้างความเชื่อมั่นในผู้บริโภคชาวมุสลิมให้ได้มากขึ้น การลงทุนและเน้นแข่งขันด้านคุณภาพ และการขยายการทำตลาดผ่านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

อาหารและเครื่องดื่มฮาลาลของไทย จัดว่าเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพ สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลที่ขยายตัวเฉลี่ยกว่า 7.5% ต่อปีในช่วงปี 4 ปีที่ผ่านมา (CAGR ปี 2563-2566) ซึ่งสูงกว่าภาพรวมการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดของไทยไปตลาดโลก (รูปที่ 1) ส่งผลให้ปี 2565 ไทยติดอันดับ 8 ผู้ส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลของโลก ซึ่งมีคู่ค้าสำคัญคือ จีน ตลาดมุสลิมหรือ OIC (Organization of Islamic Conference) สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ตามลำดับ

แต่สำหรับในปี 2567 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล ของไทยอาจหดตัว 0.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน (รูปที่ 2) จากแรงกดดันด้านผลผลิตที่ในครึ่งปีแรกถูกกระทบจากภัยแล้งและเอลนีโญ ก่อนที่การเข้าสู่ลานีญาในครึ่งปีหลังจะช่วยบรรเทาผลกระทบได้บ้าง รวมถึงด้านราคาจากการเปรียบเทียบกับฐานที่สูงในปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

  • อาหารฮาลาลธรรมชาติ เป็นสินค้าหลักคิดเป็นสัดส่วน 65% ของมูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลทั้งหมด ซึ่งปีนี้คาดว่าจะทรงตัว  โดยแม้ว่าหลายรายการจะยังสามารถเติบโตต่อได้ แต่การส่งออกข้าวน่าจะยังหดตัวจากฐานที่สูงในปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ด้วยการแข่งขันจากคู่แข่งที่สามารถเร่งผลิตและส่งออกได้มากขึ้น เช่น บราซิล (น้ำตาลทราย) เวียดนาม (ผลไม้สด-ทุเรียน) อินเดีย (ข้าว) เป็นต้น จึงกดดันต่ออัตราการเติบโตเฉลี่ยในภาพรวม
  • อาหารฮาลาลโดยการรับรอง คิดเป็นสัดส่วน 35% ของมูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลทั้งหมดซึ่งปีนี้คาดว่าจะหดตัว 2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลักๆ มาจากการส่งออกน้ำมันพืช จากผลของฐานที่สูงในปีก่อนหน้า ราคาปีนี้ที่อาจลดลงจากแข่งขันกับน้ำมันพืชทางเลือกที่ออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น และการแข่งขันน้ำมันปาล์มกับผู้ส่งออกหลักอย่างมาเลเซีย ส่วนไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ไทยก็เผชิญประเด็นการแข่งขันจากผู้ผลิตและส่งออกระดับโลกอย่างบราซิล เช่นเดียวกับนมและผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืช ที่ไทยต้องแข่งขันกับสินค้าจากเนเธอร์แลนด์และนิวซีแลนด์

ไปข้างหน้า หากไทยต้องการจะก้าวสู่ ASEAN Halal Hub ให้ได้ภายในปี 2571 ตามเป้าหมาย ด้วยการชูอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ส่งออกที่มูลค่าเติบโตหรือมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โจทย์สำคัญที่ทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการไทยจะต้องเร่งดำเนินการ คงจะได้แก่

  • การมีเครื่องหมายรับรองฮาลาลที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ยังจำเป็น เพราะเป็นด่านแรกที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคชาวมุสลิม ปัจจุบันสินค้าไทยได้รับเครื่องหมายรับรองจากประเทศมุสลิมสำคัญ ทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซีย อาทิ ผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืช เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ไปข้างหน้า ผู้ประกอบการไทยคงต้องเพิ่มความครอบคลุมของการได้รับการรับรองจากทั้งตลาดปลายทางและรายการสินค้าอื่นๆ ให้ได้มากขึ้น เช่น กลุ่มสินค้าปศุสัตว์ในตลาดตะวันออกกลาง เป็นต้น

ทั้งนี้ การนำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Food Traceability) มาปรับใช้ในการผลิต เช่น RFID, IoT, Blockchain เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยสร้างความมั่นใจต่อคู่ค้าได้ว่ากระบวนการผลิตของผู้ประกอบการไทยสอดคล้องตามหลักศาสนาตลอดห่วงโซ่อุปทาน ถึงแม้จะเป็นกิจการที่ไม่ได้ดำเนินการโดยชาวมุสลิมก็ตาม

  • เน้นการแข่งขันด้านคุณภาพในกลุ่มอาหารที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และเป็นที่ต้องการในตลาดมุสลิม เช่น อาหารฟังก์ชั่นนอลฟู้ดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแอฟริกาใต้ ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6.6% และ 4.9% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาพรวมทั่วโลกที่ 2.7% ต่อปี (CAGR ปี 2563-2569)[1] เครื่องดื่มจากพืชในมาเลเซีย ที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดใกล้เคียงนมถั่วเหลืองในปี 2573[2] เป็นต้น นั่นหมายความว่า ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งลงทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดรับไปกับเทรนด์ความต้องการอาหารในอนาคต
  • ขยายการทำตลาดเพิ่ม โดยเฉพาะไปยังประเทศสมาชิกใน OIC ที่มีความต้องการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้สูง อาทิ กลุ่มตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาใต้ จากจำนวนประชากรที่มากและความมั่นคงทางอาหารต่ำ[3] ผ่านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ที่ทำให้ไทยสามารถส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งไปได้มากขึ้น การทำข้อตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐ (G2G) ในการส่งออกข้าวไทยไปยังอินโดนีเซีย หรือแม้กระทั่งการเปิดเสรีข้อตกลงการค้าทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งทางการกำลังอยู่ระหว่างผลักดันเพิ่มเติม ได้แก่ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ CEPA (ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) FTA (ไทย-ปากีสถาน) เป็นต้น การผลักดันการเจรจาการค้าระหว่างประเทศให้ครอบคลุมตลาดฮาลาล จะช่วยสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลไปได้เพิ่มขึ้น   

[1] Global Functional Food Market (2021-2026), Mordor Intelligence T &

[2] ปี 2566 มีมูลค่าตลาด 247 ล้านริงกิต ขณะที่นมจากพืชอื่นๆ มีมูลค่าตลาด 132 ล้านริงกิต                               

  Plant-Based Dairy in Malaysia, Euromonitor (Oct 2023)

[3] สะท้อนจาก มูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลของไทยไปตลาด OIC เติบโตกว่า 14.5% ต่อปี (CAGR ปี 2563-2566) สูงกว่าภาพรวมการส่งออกไปตลาดโลกและคู่แข่งหลัก

ข่าวล่าสุด