ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 3 รุ่นแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 1 ปี 10 เดือน 8 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี และอายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายวันที่ 9-10 และ 13 พฤษภาคมนี้ ผ่าน 11 สถาบันการเงินชั้นนำ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB+/Stable” จากทริสเรทติ้ง หวังนำเงินไปใช้ซื้อที่ดินพัฒนาโครงการใหม่ ชำระคืนหนี้เดิมและใช้หมุนเวียนในกิจการ พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ปี 2567 ตามแผนงาน 35 โครงการ มูลค่า 37,000 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2567 เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป และ ผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) โดยหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายมีจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 10 เดือน 8 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ทริสเรทติ้ง ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้และบริษัทที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” หุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด เสนอขายระหว่างวันที่ 9-10 และ 13 พฤษภาคม 2567 ผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้งหมด 11 แห่ง โดยมีแผนเสนอขายวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมอีกไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการจากนักลงทุนในกรณีที่มีผู้ลงทุนแสดงความสนใจเข้ามามากกว่าที่บริษัทตั้งเป้าไว้
นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2567 แผนธุรกิจของบริษัท ยังคงต่อยอดจากปี 2566 โดยจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นในการกระจายการลงทุนไปต่างจังหวัดในหัวเมืองหลักทั่วประเทศ ซึ่งช่วยขยายฐานลูกค้าและสามารถพัฒนาโครงการในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น รองรับความต้องการได้ทุกรูปแบบ พร้อมกับการบริการที่ครบวงจรภายใต้แนวคิด “Origin Infinity” สร้างการเติบโตและดูแลผู้บริโภคแบบไม่สิ้นสุด ตั้งเป้าพัฒนาเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ให้กลายเป็น Well-Being Lifetime Company ด้วยการขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การขยายสินค้าและบริการที่หลากหลายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ (Nationwide serve) 2. การขยายจักรวาลธุรกิจใหม่ให้มีเส้นทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง (Multiverse Expansion) มุ่งพัฒนาชีวิตที่ดีขึ้น (Better Lifetime) ต่อยอดจากแผน Origin Multiverse ด้วยการขยายธุรกิจนอกเหนือจากที่อยู่อาศัยให้มีเส้นทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ 3. การดูแลสังคม (Social Attention) ร่วมใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้น (Better Society)
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 กลุ่มบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวม (Presale) ได้ประมาณ 47,625 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 15% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ 45,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 73% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 27% ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นปี 2566 มูลค่ารวมประมาณ 45,889 ล้านบาท โดยเป็นยอดจากทั้งโครงการที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้าและโครงการภายใต้กิจการร่วมค้าที่จะทยอยรับรู้ในปี 2567 จำนวนประมาณ 17,616 ล้านบาท คิดเป็น 67% ของเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปี 2567 จำนวน 26,000 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 2567 กลุ่มบริษัทเตรียมตัวเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 35 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 37,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มบ้านจัดสรรประมาณ 45.95% และกลุ่มคอนโดมิเนียมประมาณ 54.05% เพื่อต่อยอดความสำเร็จ ดังนั้น บริษัทเชื่อมั่นว่าหุ้นกู้ ORI ที่จะเสนอขายในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 11 แห่ง ดังต่อไปนี้
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือ จองซื้อผ่าน Mobile application – CIMB Thai Digital Banking
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
- บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56
- บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000
- บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1801
- บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
- บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-659-5272-73
- บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th
หมายเหตุ: การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 159 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 4/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton),
ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 242,744
ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร