
กรุงเทพฯ, 6 กรกฎาคม 2568 – สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB องค์กรหลักขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์แห่งชาติ ร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สาขาเฟสติวัล สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือ THACCA : Thailand Creative Content Agency จัดโครงการ “อวดเมือง 2568 The Pitching” ภายใต้เทศกาลสำคัญ SPLASH – Soft Power Forum 2025 เพื่อค้นหาจังหวัดต้นแบบที่สามารถขับเคลื่อนเทศกาลผ่านพลังของชุมชน โดยพัฒนาเทศกาลให้เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมหรือธุรกิจในพื้นที่ สามารถต่อยอดสู่ระดับประเทศและระดับนานาชาติ สร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน การจัดงานครั้งประวัติศาสตร์นี้จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ Hall 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร
การปฏิวัติแนวคิดเทศกาลไทย: จากการฉลองสู่กลไกเศรษฐกิจ
โครงการ “อวดเมือง 2568 The Pitching” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการนิยามเทศกาลไทยใหม่ โดยขยายจากมุมมองดั้งเดิมที่มองเทศกาลเป็นเพียงกิจกรรมเฉลิมฉลองประจำปี และยกระดับให้เป็น “กลไกเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอย่างครบมิติ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคม ด้วยการบูรณาการระหว่างอัตลักษณ์ท้องถิ่น การบริหารจัดการแบบมืออาชีพ และพลังความร่วมมือของชุมชนและจากทุกภาคส่วน และทำให้ Ecosystems ของการจัดเทศกาลระดับท้องถิ่นเข้มแข็งขึ้น ด้วยการนำทักษะใหม่มาใช้ในการจัดการ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “ประเทศแห่งเทศกาล” อย่างแท้จริง ที่วัฒนธรรมพบการค้าและชุมชนได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืน และเทศกาลเหล่านี้จะได้รับการแปลงสู่สินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ที่มีความสามารถในการสร้างรายได้หมุนเวียน ดึงดูดการลงทุน และยกระดับความภาคภูมิใจของชุมชน
ในวิสัยทัศน์ใหม่นี้ เทศกาลไม่เพียงแต่ทำหน้าที่สร้างการรับรู้และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่คุณค่าทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ผ่านการเชื่อมโยงกับกิจกรรมไมซ์ การสร้างเครือข่ายธุรกิจ และการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง อาทิ งานจับคู่ธุรกิจ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรม การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การขยายแบรนด์ และการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่างภาคเอกชนและท้องถิ่น
การแข่งขันระดับชาติ: จาก 77 จังหวัดสู่ 12 ผู้ชิงชัย
การดำเนินโครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการค้นหาและบ่มเพาะศักยภาพเทศกาลไทยอย่างเป็นระบบ เริ่มต้นด้วยการเปิดกว้างให้จังหวัดทั้ง 77 จังหวัดเข้าร่วมในกระบวนการชี้แจงและเรียนรู้ ก่อนที่จะมีจังหวัดที่แสดงความมุ่งมั่นจริงจังส่งใบสมัครเข้าร่วมถึง 51 จังหวัด ผ่านกระบวนการคัดกรองที่เข้มข้นใน The First City Pitch เมื่อวันที่ 29-30 เมษายน 2568 จำนวน 41 จังหวัดได้ผ่านเข้าสู่รอบการนำเสนอ และในที่สุดได้คัดเลือกเหลือเพียง 12 จังหวัดที่มีความโดดเด่นและศักยภาพในการแปลงเทศกาลให้เป็นเครื่องมือพัฒนาเมืองอย่างแท้จริง
จังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ประกอบด้วย กาญจนบุรี ขอนแก่น จันทบุรี เชียงราย นครราชสีมา พิษณุโลก เพชรบุรี แพร่ เลย ศรีสะเกษ สุโขทัย และอุบลราชธานี แต่ละจังหวัดจะนำเสนอแนวคิดเทศกาลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเชื่อมโยงอย่างชาญฉลาดกับอุตสาหกรรมหลักและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพื้นที่
ประสบการณ์ 4 วันแห่งการเรียนรู้และแรงบันดาลใจ
งาน “อวดเมือง 2568 The Pitching” ได้รับการออกแบบให้เป็นประสบการณ์ที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้สำหรับสาธารณชนทุกกลุ่ม โดยจัดเต็มด้วยกิจกรรมที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันตลอด 4 วัน
City Showcase: The Dreambox ถือเป็นหัวใจสำคัญของงาน ซึ่งนำเสนอ “กล่องแห่งความฝันของเมือง” จาก 12 จังหวัด ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสการเล่าเรื่องที่ซาบซึ้งผ่านมิติทั้งสาม คือ ความน่าอยู่ที่สะท้อนคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ความน่าเที่ยวที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะ ประเพณี และวิถีชีวิต และความน่าลงทุนที่แสดงถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมด้วยของชำร่วยเทศกาลที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตเฉพาะสำหรับแต่ละจังหวัด
City Pitching Stadium เป็นเวทีที่เข้มข้นและตื่นเต้น ที่ผู้ชมจะได้เป็นพยานในการแข่งขันนำเสนอแนวคิดเทศกาล โดยการคัดเลือกจะดำเนินการใน 2 ระยะ คือ การคัดเลือก 3 จังหวัดเข้ารอบสุดท้ายในวันที่ 10 กรกฎาคม และการประกาศ 2 จังหวัดนำร่องเจ้าภาพอวดเมือง ในวันที่ 11 กรกฎาคม
ชุดเสวนา “อวดเมือง” ระดับผู้เชี่ยวชาญ เปิดให้สาธารณชนเข้าฟังโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ครอบคลุมตลอด 4 วันด้วยเนื้อหาที่ลึกซึ้งและปฏิบัติได้จริง
8 กรกฎาคม: “อวดเมืองให้ปัง! ฟังแล้วอยากบอกต่อ” การเจาะลึกศิลปะของการเล่าเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วม
9 กรกฎาคม: “อวดเมืองให้ยั่งยืนด้วย Revenue Model” และ “สร้างแบรนด์อวดเมือง” การถ่ายทอดความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการสร้างรายได้ด้วยเทศกาลและการพัฒนาแบรนด์เมืองให้ยั่งยืน
11 กรกฎาคม: “อวดไทยให้โลกเห็น” การสำรวจแนวทางการยกระดับเทศกาลไทยสู่มาตรฐานสากลและการแข่งขันในเวทีโลก
City Show การแสดงที่หลากสีสัน นำเสนอการแสดงสดแบบ immersive จาก 10 จังหวัด ที่จะพาผู้ชมเดินทางผ่านภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่หลากหลายของไทย ตั้งแต่หมอลำอีสานที่เปี่ยมพลัง ฮิปฮอปโคราชที่ทันสมัย ไปจนถึงการแสดงร่วมสมัยที่สร้างสรรค์
นิทรรศการ My City My Pride เป็นพื้นที่โต้ตอบที่ล้ำสมัย ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องผ่าน Sound Booth และการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ภายใต้ปรัชญา People’s Festival ที่เชื่อมั่นในพลังของประชาชน
โครงการนี้เปิดกว้างให้สาธารณชนเข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสร้างโอกาสในการมีส่วนร่วมที่หลากหลาย ผ่าน Online Popular Vote ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน ถึง 18 กรกฎาคม 2568 ผ่าน Facebook: TCEB Domestic MICE โดยจังหวัดที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะได้รับแพ็กเกจสื่อประชาสัมพันธ์ที่มีมูลค่าเกินกว่า 500,000 บาท
ภายในงาน Popular Vote On Ground เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้แสดงความคิดเห็นและเลือกจังหวัดที่สร้างความประทับใจให้ได้ทุกวัน พร้อมด้วยของรางวัลที่น่าสนใจและ Giftset พิเศษ รวมถึงกิจกรรม Leaflet Rally Stamp ที่ท้าทายให้ผู้เข้าชมได้สำรวจ The Dreambox ครบทั้ง 12 จังหวัดและสะสมตราประทับเป็นที่ระลึก
นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมงานได้บันทึกและแบ่งปันประสบการณ์ผ่าน Sound Booth และการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม Facebook และ TikTok เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของ People’s Festival อย่างแท้จริง
ผลกระทบต่อภูมิทัศน์อุตสาหกรรมไมซ์และเศรษฐกิจท้องถิ่น
เทศกาลที่ประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญสามประการ คือ แนวคิดที่ชัดเจนและมีความแตกต่างเฉพาะตัว การบริหารจัดการที่มีความยั่งยืนและไม่ผูกติดกับงบประมาณภาครัฐเพียงอย่างเดียว และการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจากทุกภาคส่วนในสังคม เมื่อเทศกาลเหล่านี้เติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะกลายเป็น “ฤดูกาลลงทุนประจำปี” ของเมือง ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องผ่านพื้นที่เชิงพาณิชย์ ระบบการจำหน่ายบัตร และการเชื่อมโยงธุรกิจท้องถิ่นเข้ากับเครือข่ายการลงทุนระดับชาติและนานาชาติ
ก้าวสู่อนาคตของเทศกาลไทย
จังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 2 จังหวัดนำร่องจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบในการจัดเทศกาลต้นแบบที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในพื้นที่ปี 2569 พร้อมทั้งการพัฒนาต่อยอดให้เป็นเทศกาลประจำเมืองที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ และมีศักยภาพในการขยายผลสู่เวทีการแข่งขันนานาชาติ