
ที่ “บ้านอิ่มใจ” (ประปาแม้นศรี) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เป็นประธานเปิดงานตรวจสุขภาพคนไร้บ้าน ซึ่งที่แห่งนี้ กทม. ได้เช่าพื้นที่เพื่อเตรียมเป็นศูนย์ดูแลคนไร้บ้าน โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2569 เน้นเป็นที่พักพิงชั่วคราวจำนวน 200 เตียง ให้คนไร้บ้านได้ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ตั้งหลักชีวิตก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ และ โครงการตรวจสุขภาพคนไร้บ้านปีนี้จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยตั้งเป้าตรวจได้ประมาณ 300-400 คน และจะยังคงดำเนินการต่อไปหลังเปิดบ้านอิ่มใจแล้ว นอกจากนี้ยังมีบริการทำบัตรประชาชน การบริจาคอาหาร และการช่วยเหลือด้านการหางาน เพื่อยกระดับสถานะชีวิตคนไร้บ้านในระยะยาว
ปัจจุบัน ปัญหาคนไร้บ้านยังไม่ค่อยเข้าระบบและไม่ค่อยตรวจสุขภาพ แต่หาก “บ้านอิ่มใจ” มีบริการที่ดี มีพื้นที่ให้กับผู้ที่ต้องการบริจาคอาหารให้คนไร้บ้าน ทุกคนก็อยากเข้ารับบริการ เพราะเชื่อว่า ไม่มีใครอยากนอนข้างถนน ทุกคนล้วนอยากมีงานทำและมีบ้านอยู่ หน้าที่ของ กทม. รวมทั้งเครือข่ายภาคประชาสังคมและเอกชน จึงต้องช่วยดูแลประคองให้พวกเขากลับมาสู่สภาพปกติ และเป็นทรัพยากรที่สำคัญของสังคมได้


โอกาสนี้ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยการสนับสนุนในโครงการ “Heartful Meals, Hopeful Lives หรือ มื้อใส่ใจ เติมความหวังให้ชีวิต” ให้คนไร้บ้านได้มีโอกาสเลือกมื้ออาหารที่อยากทาน โดยจัดเตรียม Food Truck 3 คัน มอบอาหาร 4 เมนูให้เลือก เป็นข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว ข้าวหมูทอดทงคัตสึ เย็นตาโฟ และก๋วยเตี๋ยวต้มยำ รวมทั้งยังมีไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟรสวนิลาและโยเกิร์ต ให้คนไร้บ้านกว่า 300 คนที่แวะเวียนเข้ามา รวมถึงทีมแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครจากมูลนิธิกระจกเงา พร้อมทั้งยังเตรียมวงดนตรี พนักงานจิตอาสา ร่วมแสดงดนตรี ส่งมอบความสุข และความสนุกตลอดทั้งงาน ซึ่งถือเป็นความร่วมมือของทั้ง 3 องค์กร ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กรุงเทพประกันชีวิต และมูลนิธิกระจกเงา ในการสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า กรุงเทพประกันชีวิต กล่าวว่า Heartful Meals, Hopeful Lives หรือ มื้อใส่ใจ เติมความหวังให้ชีวิต เกิดจากความเชื่อของแบรนด์ที่ว่า “ความใส่ใจ” ไม่ใช่แค่ค่านิยม แต่คือหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำและยึดมั่นในวิสัยทัศน์ที่จะเป็น บริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ เราจึงไม่ใช่แค่ใส่ใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มอบให้ แต่รวมถึงสิ่งที่เราคืนกลับสู่สังคมด้วย โครงการนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดง่ายๆ แต่ทรงพลังคือ “ทุกคนควรมีสิทธิ์ในการเลือก” แม้แต่สิ่งเล็กๆ อย่างการเลือกเมนูอาหารในแต่ละวัน ซึ่งอาจดูธรรมดาสำหรับใครหลายคน แต่สามารถคืนศักดิ์ศรีและปลุกความหวังในใจของใครบางคนได้
พลังแห่งความใส่ใจของทุกคน คือสิ่งที่ทำให้ “มื้อใส่ใจ เติมความหวังให้ชีวิต” ไม่ใช่แค่ชื่อของโครงการ แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราไม่ได้มาเพื่อแค่ “แจกจ่าย” แต่อยากมอบ “ความรู้สึกว่าเขามีค่า” อยากให้ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการนี้กลับไปพร้อมความอิ่มใจ ไม่ใช่แค่อิ่มท้องเพราะยึดมั่นว่า การใส่ใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนชีวิตใครบางคนไปตลอดกาล และ กรุงเทพประกันชีวิตจะเดินหน้าทำสิ่งเหล่านี้ต่อไป และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสร้างวันดีๆ แบบนี้ขึ้นมาค่ะ” อรนาฎกล่าว