Friday, 21 March 2025 - 11 : 23 pm
spot_img
spot_img
spot_img

Splendor-Biz

สื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ครบครันบนโลกออนไลน์

spot_img
spot_img
spot_img
Friday, 21 March 2025 - 11 : 23 pm

กานดา พร็อพเพอร์ตี้ อัดโปรฯลดภาระคนซื้อบ้าน พร้อมลุยผุดโครงการพูล วิลล่า เชิงทะเล ภูเก็ต

กานดา พร็อพเพอร์ตี้ ประเมินตลาดอสังหาฯปี 68 ดีมานด์ใหม่ยังไม่ฟื้นตัว ชี้แบงก์ชาติปลดล็อค LTV ช่วยกระตุ้นการขาย-โอนเพิ่มแต่การแข่งขันยังรุนแรง เดินหน้าอัดโปรโมชั่นลดภาระคนซื้อบ้าน พร้อมขยายการลงทุนผุดพูล วิลล่าที่ภูเก็ต ตั้งเป้ายอดขายรวม 2,500 ล้านบาท

นายหัสกร บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “ไอลีฟ” เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 ว่า ในช่วง 2-3 เดือนแรกของปี 2568 ตลาดกลับเข้าสู่ภาวะชะลอตัวอีกครั้ง หลังจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ครบกำหนดไปเมื่อสิ้นปี 2567 ที่ผ่านมา ขณะที่ภาวะตลาดโดยรวมตลอดปี 2568 คาดว่าจะยังคงทรงตัว  เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่สามารถเติบโตได้ตามที่คาดหวังเอาไว้ ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาจากสงครามการค้าที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย

ปัจจัยด้านลบต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง คนทำงานที่อยู่ในภาคธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม หรือ SME

“เมื่อดีมานด์ในตลาดลดลงจึงเกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ด้วยโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าที่มีจำนวนลดลงตัดสินใจจองมากขึ้นผลประโยชน์จึงตกอยู่กับผู้บริโภคที่มีความพร้อม ขณะที่กำไรของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในปีที่ผ่านมาลดลงไปมาก บางรายกำไรลดลงไปถึง 80-90% หรือติดลบเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นในปีนี้หากมีมาตรการภาครัฐทั้งเรื่องของการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง เข้ามาช่วยสนับสนุน และการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV จะทำให้ตลาดมีความคึกคักขึ้น”

นายหัสกร กล่าวอีกว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศผ่อนเกณฑ์ LTV จะเป็นผลบวกต่อ Sentiment ของตลาดอย่างแน่นอน และจะเป็นการกระตุ้นยอดรับรู้รายได้ของตลาดอสังหาฯอย่างชัดเจน โดยเฉพาะรายได้ที่จะมาจากทางฝั่งคอนโดมิเนียมที่มีอัตราการขอสินเชื่อในสัญญาที่ 2 หรือบ้านหลังที่สองขึ้นไปมากกว่าบ้านแนวราบ ผู้ซื้อที่มีความพร้อมจะเดินเข้ามาช็อปในตลาดมากขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวราบหรือแนวสูง เพราะสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ได้โดยที่ควักเงินในกระเป๋าน้อยลง

“นอกเหนือจากนโยบายการลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง ที่กำลังรอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี การปลดล็อค LTV ถือเป็นมาตรการที่จะสามารถกระตุ้น Demand ของภาคอสังหาฯโดยตรงอย่างประสิทธิภาพและชัดเจนเช่นกัน ประกอบกับ การที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ลดการลงทุนโครงการใหม่จะช่วยทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยปรับสมดุลได้เร็วขึ้น และลดความร้อนแรงในการแข่งขันด้านราคาที่ไม่ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการด้วยกันเองจึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะเกิดขึ้นในปี 2568”

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ แต่จะเน้นการขายโครงการที่มีอยู่ 16 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยการจัดโปรโมชั่นด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุด เพื่อสร้างโอกาสและช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ล่าสุดบริษัทได้ออกแคมเปญใหม่ “ลื้อ ดู ร้อน” เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2568

ทั้งนี้ ผู้ที่จองซื้อบ้านพร้อมอยู่ของบริษัทภายใต้แบรนด์ “ไอลีฟ” ราคาตั้งแต่ 1.89-7.5 ล้านบาท จะได้รับข้อเสนอพิเศษที่ทำให้การซื้อบ้านง่ายขึ้น เช่น ช่วยผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน แจกทองมูลค่าสูงสุด 10 บาท สำหรับผู้ที่จองซื้อแปลงพิเศษที่กำหนดไว้ แถมฟรีเฟอร์นิเจอร์ ติดแอร์ให้ทั้งหลัง ฟรีผ้าม่านทั้งหลัง ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน และยังได้ลุ้นของรับเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ตู้เย็น 16.1 คิว เครื่องซักอบผ้า ทีวี 55 นิ้ว เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนช่วยลดโลกร้อน และยังช่วยประหยัดค่าไฟ ด้วยการแจกโซล่าร์ รูฟท็อป ขนาดตั้งแต่ 1.5-5 กิโลวัตต์ ให้กับลูกค้าที่จองและซื้อบ้านไอลีฟทุกหลัง โดยตั้งเป้ายอดขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 47 ไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท และเดือนละ 250 ล้านบาท ตลอด 2 เดือน(มี.ค.-เม.ย.) ของการจัดแคมเปญดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากมีมาตรการรัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนยอดขายมีโอกาสที่จะทะลุเดือนละ 300 ล้านบาท ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน

นายหัสกร กล่าวอีกว่า นอกจากการชะลอการเปิดโครงการใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและเร่งการทำตลาดโครงการที่มีอยู่ บริษัทยังควบคุมค่าใช้จ่ายในหลายๆ ด้าน เช่น การบริหารจัดงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับสินค้าที่คาดว่าจะขายได้ในแต่ละเดือน การควบคุมรายจ่ายคงที่ เพี่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในปี 2568 แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังขยายการลงทุนไปในธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโต โดยมีแผนจะเปิดโครงการ พูล วิลล่า มูลค่า 600-700 ล้านบาท บนเนื้อที่ 12 ไร่เศษ ที่ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับความต้องการพูล วิลล่า ในพื้นที่เชิงทะเลที่มีเพิ่มขึ้น

“โซนเชิงทะเลเป็นทำเลที่บูมมากๆ บริษัทในฐานะที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดนี้ จึงต้องการนำเสนอโครงการที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพชีวิต โดยได้นำที่ดินที่มีอยู่กว่า40ไร่ มาพัฒนาโครงการในเฟสแรกเป็นพูล วิลล่า สไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพรารี่ จำนวน 22 หลัง ใช้ชื่อว่า ParQ Villa มีจุดขายสำคัญคือ ฟังก์ชั่นการใช้สอยที่ครบครันของตัวบ้าน และการพัฒนาพื้นที่สวนขนาดใหญ่ 4-5 ไร่ โดยดีไซน์เป็น 3 เลเยอร์หลัก ประกอบไปด้วยชั้นของลำธาร ชั้นของไม้พุ่ม ไม้ตกแต่ง และชั้นบนสุดจะเป็นเลนจ๊อกกิ้ง เลนจักรยาน ต้นไม้ใหญ่ เพื่อตอบโจทย์คุณภาพการอยู่อาศัยระยะยาวของลูกค้า โดยในอนาคตจะเพิ่มพื้นที่สวนเป็น 10 ไร่ ในการพัฒนาเฟสต่อๆไป คาดว่าจะเปิดตัวเฟสแรกได้ในช่วงปลายปี 2568”

นายหัสกร กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับยอดขายและรายได้ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเอาไว้ใกล้เคียงกับปี 2567 แบ่งเป็น เป้ายอดขาย 2,500 ล้านบาท และรายได้จากการโอนอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายได้เกินกว่าเป้าเล็กน้อย ขณะที่รายได้จากการโอนทำได้ต่ำกว่าเป้าประมาณ 10% จากปัญหาลูกค้ากู้ไม่ผ่าน ส่วนในปีนี้ก็คาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ข่าวล่าสุด