ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และพืชผลทางการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้มอบนโยบายให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการการทำงานร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค โดยมอบหมายให้สำนักงาน คปภ.ภาค 9 (สงขลา) และสำนักงาน คปภ.จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการนำระบบประกันภัยเข้าไปเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้นให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า มีความห่วงใยประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงมอบหมายให้สำนักงาน คปภ.จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ณ สำนักงาน คปภ.จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษา และรับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัย พร้อมประสานงานให้บริษัทประกันภัยในพื้นที่สำรวจ และสรุปรายงานความเสียหาย เพื่อจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากสถานการณ์น้ำท่วม และจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุ ณ สาขาบริษัท รวมถึงอำนวยความสะดวกในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายและรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลความเสียหาย ณ วันที่ 5 ธันวาคม 2563 พบว่า มีผู้เสียชีวิต จำนวน 15 ราย รถยนต์ถูกน้ำท่วมที่แจ้งเคลมความเสียหายแล้ว จำนวน 800 คัน (อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม) และมีพื้นที่การเกษตรปลูกข้าวนาปีได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 28,278 ไร่ และทรัพย์สินอื่น ๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยในส่วนของผู้เสียชีวิต สำนักงาน คปภ. จะประสานและบูรณาการการทำงานไปยังสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ มีการทำประกันภัยไว้หรือไม่ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ เพื่อประสานงานทายาทผู้เสียชีวิตให้ได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย
สำหรับรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายและจัดทำประกันภัยที่คุ้มครองน้ำท่วมไว้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสานงานกับบริษัทประกันภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย
และจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร่งด่วนต่อไป นอกจากนี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่จัดทำประกันภัยข้าวนาปี ประจำปี 2563 และเป็นพื้นที่ที่ได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว สามารถแจ้งความเสียหายได้ตามกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี โดยติดต่อที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ในพื้นที่ หรือแจ้งความเสียหายผ่านแอปพลิเคชัน “มะลิซ้อน” ซึ่งจะมีระบบเชื่อมโยงไปถึงสมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยจะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 1,260 บาทต่อไร่ และหากซื้อความคุ้มครองส่วนเพิ่มไว้ก็จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมด้วย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า กรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วม ได้แก่ กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติมไว้ กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยแบบประหยัดสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) หรือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภทอื่นที่ซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติเพิ่มเติม กรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) รวมถึงกรมธรรม์ประกันชีวิต ดังนั้น จึงขอให้ผู้เอาประกันภัยตรวจสอบกรมธรรม์ด้วยว่าเป็นแบบใดและคุ้มครองเพียงใด เพื่อใช้ระบบประกันภัยรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น
“สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้เป็นอย่างมาก และจะบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนของจังหวัดอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบได้รับการช่วยเหลือและได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง เป็นธรรม และขอให้ประชาชนทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญและทำประกันภัยให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการรองรับความเสี่ยงภัยให้กับตนเองและครอบครัว หากมีข้อสงสัยด้านการประกันภัยสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย