“ธนาคารกรุงไทย” ครบรอบ 55 ปี รวมใจคนกรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน เดินหน้าพัฒนาบริการดิจิทัล ตอบโจทย์การทำธุรกิจยุคใหม่ เชื่อมต่อภาครัฐกับประชาชนทุกกลุ่ม
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 55 ปีที่ผ่านมา กรุงไทยได้ทำหน้าที่เป็นเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศ ในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าและประชาชนในทุกวิกฤติที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 บทบาทกรุงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐยิ่งชัดเจนขึ้น ในการสนับสนุนนโยบายรัฐ รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ตลอดจนกระจายเม็ดเงินสู่ฐานราก เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศให้เดินต่อไปได้ในภาวะวิกฤติ พร้อมกับร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะนำไปสู่สังคมไร้เงินสด
นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของกรุงไทย ยังทำให้ภาครัฐมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสนับสนุนการทำโครงการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะสามารถออกนโยบายความช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด ตรงกลุ่มเป้าหมาย โปร่งใส ทั่วถึงและตรวจสอบได้
นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากกลยุทธ์ที่วางไว้ ทำให้กรุงไทยมีความยั่งยืนในปัจจุบันและอนาคต เพราะยึด 5 ecosystems คือ มีภาครัฐเป็นพันธมิตรหลัก มีบริการด้าน Healthcare ผ่าน Health Wallet บนแอปฯเป๋าตัง มีบริการด้านการศึกษา ร่วมกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หลังจบการศึกษากลุ่มนี้ก็จะเข้ามาเป็นลูกค้ากรุงไทย มีบริการดิจิทัลรองรับการขนส่งมวลชน ขณะที่บริการด้านการชำระเงิน กรุงไทยพัฒนาแพลตฟอร์มได้ตอบโจทย์ โดยแอปฯ Krungthai Next เป็นโมบายแบงกิ้งเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่นำระบบขึ้นคลาวด์ได้สำเร็จ ทำให้มีความเร็วมาก
“ 1 ปีที่ผ่านมา กรุงไทยมีส่วนทำให้คนไทยได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนาระบบรองรับการทำนโยบายของรัฐ โดยเฉพาะระบบลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน รองรับผู้ลงทะเบียนหลายสิบล้านคน โดยที่ระบบไม่ล่ม มาถึงโครงการเราชนะ ก็ทำระบบการใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชาชน สำหรับกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนได้สำเร็จ และทันเวลา ทำให้ทุกกลุ่มเข้าถึงมาตรการภาครัฐได้ โดยกรุงไทยเราจะไม่หยุดนิ่ง มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือลูกค้าประชาชน เพราะวิกฤติโควิด-19 จะทำให้คนจนมากขึ้น เราต้องช่วยเหลือกลุ่มนี้ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นี่คือหนึ่งในภารกิจของเรา ”
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า นอกเหนือจากวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการดำเนินงานแล้ว สิ่งที่ทำให้กรุงไทยประสบความสำเร็จในวันนี้ คือ พนักงานทุกคน ที่มีทั้งความเสียสละ รักองค์กร และมีคุณธรรม ซึ่งคุณธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นหลักปฏิบัติกับลูกค้า คู่ค้า และสังคม จึงได้วางยุทธศาสตร์ “กรุงไทยคุณธรรม” สร้าง DNA กรุงไทยออกมาเป็นคุณธรรมอัตลักษณ์ 5 เรื่อง สร้างสรรค์ สำเร็จ สัตย์ซื่อ สามัคคี และสังคม ซึ่งจะเป็นเกราะให้เราเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมผ่านโครงการ 1 หน่วยงาน 1 แผนงานความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมุ่งตอบแทนสังคม เช่น โครงการกรุงไทยรักชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนทั่วประเทศ โดยไม่แสวงหาแต่กำไร เพราะเราเติบโตไปพร้อมๆ กับสังคม ทำให้ต่างประเทศยอมรับว่ากรุงไทยโดดเด่นที่สุดในช่วงวิกฤติ
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT แอปฯเป๋าตัง แอปฯถุงเงิน และ Krungthai CONNEXT ทำให้วันนี้แพลตฟอร์มของกรุงไทย เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยทั้งประเทศ ทำให้กรุงไทยมีลูกค้ากว่า 40 ล้านคน มีผู้ประกอบการที่มาเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยฯกว่า 1.2 ล้านราย ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 แสนล้านบาท โดยกรุงไทยยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีมาพัฒนาบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มมีโอกาสเข้าถึงบริการ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ทั้งบริการขั้นพื้นฐานและบริการใหม่ๆ อย่างทั่วถึง เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เป็นส่วนสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนให้กับสังคม อีกทั้งยังช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขันในเวทีโลกได้
“ขอบคุณคนกรุงไทยทุกคน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสมอมาและภูมิใจได้ว่าสิ่งที่ดำเนินการมาตลอด 55 ปี มีส่วนช่วยกลุ่มคนที่ไม่เคยได้รับโอกาส ให้ได้เรียนรู้ เข้าถึงเทคโนโลยี และบริการการเงินใหม่ๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และมั่นใจได้ว่า พวกเรากรุงไทย ยังคงยืนหยัดทำตามพันธกิจหลักนั่นคือ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน” ต่อไปในวันพรุ่งนี้ และวันต่อๆไป”