หากจะพูดถึงเรื่องการทำงาน แน่นอนว่าหลายคนใฝ่ฝันอยากจะให้ผลการทำงานออกมาสำเร็จ และไม่มีเหตุปัจจัยใดๆ มาขัดขวางหรือบั่นทอนกำลังใจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งในโลกของความเป็นจริงแล้ว คงเป็นไปได้ยากหากความสำเร็จจากการทำงานนั้นไม่มีปัญหาหรือแรงกดดันเสียเลย เพราะจะทำให้ชีวิตการทำงานดูจืดชืด ไร้ชีวิตชีวาน่าดู
เพราะการทำงานให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องมีเป้าหมาย และมีแผนงานที่จะต้องทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ดังนั้น “การสร้างภาวะกดดัน” ก็เป็นอีกแรงขับเคลื่อนหนึ่งที่จะทำให้คุณทำงานจนสำเร็จได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าหลายคนก็คงจะไม่ค่อยชื่นชอบกับคำว่า “ภาวะกดดัน” สักเท่าใดนัก
จากบทความของ คุณปรีชา ตรีสุวรรณ ประธานสมาพันธ์การค้าระหว่างประเทศ (Thailand Enterprise International Cooperation) หรือ TEIC ได้กล่าวถึงข้อดี-ข้อเสีย รวมไปถึงประโยชน์ของการทำงานภายใต้ภาวะกดดัน ซึ่ง Splendor-Biz มองว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในแง่ของการทำงานหรือการทำธุรกิจ โดยมีเนื้อหาใจความ ดังนี้
หลายท่านคงเคยประสบกับการทำงานภายใต้ภาวะกดดันกันมาบ้าง และคงอยากทราบถึงสาเหตุ และวิธีการจัดการกับ “ภาวะกดดัน” ผมจึงขอนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 และคิดว่าคงจะสร้างความกังวลคนกลายเป็นความกดดันในหลายแง่หลายมุมมอง ไหนจะต้องหยุดกิจการ ต้องรับผิดชอบพนักงาน ต้องจ่ายดอกเบี้ยธนาคาร และไหนจะต้องส่งเงินต้นธนาคาร หรืออื่น ๆ อีกจิปาถะ
วันนี้จึงนำเอาเรื่องที่โพสต์ไว้ในปีก่อน ๆ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง เพื่อให้กำลังใจแก่ทุกท่าน ที่ต้องผจญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ขอให้ทุกท่านผ่านไปให้จงได้ ครับ ลองอ่านกันดูครับ
1.ภาวะกดดันในการทำงาน คืออะไร
ภาวะกดดันในการทำงาน (Work Pressure) คือเงื่อนไขต่างๆ ในการทำงานของคน (conditions in one’s work) ซึ่งเป็นสาเหตุของความกังวลเป็นทุกข์ร้อนใจและความยุ่งยาก (that cause anxiety and difficulty) สิ่งที่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการทำงานภายใต้ภาวะกดดัน คือ มีบรรยากาศของความเคร่งเครียด มีความระมัดระวังตัวสูง เป็นไปอย่างไม่สบายใจ มีร่องรอยของความหงุดหงิด มีความเบื่อหน่ายงานปรากฏในเห็น สิ่งที่ไม่ควรถือว่าเป็นแรงกัดดัน ได้แก่ ความมุ่งมั่น ความจริงจัง และความเพียรพยายาม เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีปกติอยู่แล้ว จึงไม่นับว่าเป็นการกดดันครับ
2.ผลของการทำงานภายใต้ภาวะกดดัน
ภาวะกดดัน ดูเหมือนจะทำให้เกิดผลไม่ดี แต่ที่แท้จริงแล้ว ภาวะกดดัน จะส่งผลกระทบทั้งในด้านดี และด้านไม่ดี เพราะการเลือกใช้ภาวะกดดันให้ถูกวิธีและถูกจังหวะเวลา จะให้ผลดีมากกว่าผลไม่ดี และบางคนก็ทำงานได้ดีที่สุดภายใต้ภาวะกดดัน ทั้งนี้ เราอาจแยกพิจารณาผลดีและผลไม่ดี ที่เกิดจากภาวะกดดัน ดังนี้
ผลดีของภาวะกดดัน ได้แก่
1.ทำให้งานบรรลุผลสำเร็จ
2.ทำให้เกิดการพัฒนา
3.ทำให้นำศักยภาพที่มีออกมาใช้ให้เต็มที่
4.ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนไปสู่ความเจริญก้าวหน้า
ผลไม่ดีของภาวะกดดัน ได้แก่
1.ทำให้เกิดความเครียด
2.ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
3.ทำให้เกิดแรงต่อต้าน
4.ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
5.ทำให้เกิดความอ่อนล้า
เมื่อได้พิจารณาถึงผลดีและผลไม่ดีแล้ว ก็จะต้องวิเคราะห์สถานการณ์ว่าเมื่อใด ภาวะกดดันจึงจะส่งผลดี และเมื่อใดภาวะกดดันจะส่งผลไม่ดี จากนั้นจึงจะใช้ภาวะกดดันให้เกิดประโยชน์ในสถานการณ์ที่เหมาะสม
การใช้ภาวะกดดันต้องให้มีขนาดพอดี เหมาะกับคน และเหมาะกับเวลา มิฉะนั้นจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี พึงระลึกไว้เสมอว่า คนบ้างานไม่จำเป็นต้องได้รับความสำเร็จ แต่คนที่ได้รับความสำเร็จในงาน มักจะเป็นคนบ้างาน ซึ่งเราอาจมีทางเลือกอื่นที่ทำให้ได้รับความสำเร็จในงานก็ได้
3.ประเภทของภาวะกดดัน
โดยทั่วไปภาวะกดดัน อาจจำแนกตามมุมมองของผู้เกี่ยวข้องได้หลายประเภท หากจะจำแนกตามสาเหตุใหญ่ๆ ก็สามารถจะแยกประเภทของภาวะกดดันได้ 2 ประเภท ได้แก่
1.ภาวะกดดันจากคน
2.ภาวะกดดันจากงาน
ภาวะกดดันจากคน คือความกดดันซึ่งบุคคลอื่นทำให้เกิดขึ้น จากการทำงานร่วมกันทำให้คนต้องเกี่ยวข้องผูกพันและเป็นสาเหตุของความกังวล เป็นทุกข์ร้อนใจ และมีความยุ่งยากในเรื่องคน ดังต่อไปนี้
1.มีความขัดแย้งทางบุคลิกภาพ
2.มีความขัดแย้งทางความคิด
3.มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์
4.มีการถูกบีบคั้นจากผู้มีอำนาจ
5.มีการขัดขวางการทำงาน
6.มีการถ่วงรั้งการทำงาน
7.มีการกลั่นแกล้ง
8.มีการใส่ร้ายป้ายสี
9.มีการขาดงานมาก
10.มีลูกน้องที่ขีดความสามารถต่ำ ทำงานผิดพลาดบ่อย
11.มีลูกน้องที่ไม่ทำงาน
12.มีลูกน้องที่ขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ
13.มีนายที่เน้นงานจนมากเกินไป
14.มีนายที่ขาดมนุษย์สัมพันธ์
15.มีนานที่มีความสามารถต่ำ ให้ความช่วยเหลือไม่ได้ฯลฯ
ภาวะกดดันจากงาน จะมีลักษณะเกี่ยวข้องผูกพันกับตัวงานเป็นสาเหตุของความกังวลในเรื่องงาน เป็นทุกข์ร้อนใจและมีความยุ่งยากในเรื่องงาน ดังต่อไปนี้
1.ทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย
2.ทำงานไม่ได้คุณภาพ
3.ปริมาณงานมากเกินไป
4.ปริมาณงานน้อยเกินไป
5.งานจากต้นทางมาถึงล่าช้า
6.ทำงานผิดพลาด
7.งานคั่งค้าง
8.งานยุ่งยากสับสน
9.งานซ้ำซ้อน
10.งานที่ถูกกีดกัน
11.อุปกรณ์เครื่องมือไม่เหมาะสมกับงาน
12.เครื่องมือทำงานมีจำกัด
13.มีของเสียมาก
14.มีงานที่ต้องนำมาทำใหม่มาก
15.งบประมาณมีไม่สมจริงกับงานที่จะทำ ฯลฯ
วันนี้ขอนำมาฝากและขอให้ทุกท่านผ่านมันไปได้ด้วยดีทุกท่านครับ การทำงานแบบนี้มีความกดดันค่อนข้างสูง ในการที่ต้องรับผิดขอบงานทุกงานครับ ขอให้ลองนำไปดูกันครับเพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ทุก ๆ ท่าน โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่มีการระบาดรอบใหม่ หรือจะเรียกกว่าอะไรแต่มันก็ระบาด นั่นแหละ
รอบนี้เห็นว่ามีความเร็ว และมีจำนวนมากเสียด้วย นอกจากนั้น ยังเป็นสายพันธ์ที่มีการยกระดับของเจ้าไวรัสเสียด้วยสิครับ ขอให้ผ่านไปให้ได้ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีสถานการณ์อะไรก็ตาม เราต้องผ่านไปให้ได้ และจะต้องยืนด้วยตนเอง จะรอความช่วงเหลือจากภาครัฐฯ เพราะรัฐฯ ก็ต้องช่วยตัวเองเช่นกัน
ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก : คุณปรีชา ตรีสุวรรณ ประธานสมาพันธ์การค้าระหว่างประเทศ (Thailand Enterprise International Cooperation) หรือ TEIC