การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ นับเป็นข่าวร้ายต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยที่กำลังอยู่ในระยะของการเริ่มฟื้นตัว ขณะที่แม้ทางการจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาดระลอกใหม่ แต่ยังไม่ได้มีข้อจำกัดห้ามเดินทางข้ามจังหวัดก็ตาม อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจ พบว่า คนกรุงเทพฯ กว่า 54.8% ไม่มีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างประมาณ 30.9% ยังมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ซึ่งจะมีทั้งการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวแบบพักค้างคืนและการเดินทางไปเช้า-เย็นกลับ อย่างไรก็ดีแผนการท่องเที่ยวยังต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวจริงของผู้ตอบแบบสอบถาม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่คาดว่าจะทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว 4 วัน (ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,850 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่สูญเสียไปประมาณ 58.4% ของรายได้ไทยเที่ยวไทยในช่วงเวลาปกติ 4 วัน ที่ไม่ได้เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวคงจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ที่ถูกต้อง เพื่อประกอบการตัดสินใจของลูกค้าที่จะมาใช้บริการหรือมีแผนที่จะเดินทางในช่วงนี้ รวมถึงการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมาใช้บริการ
จากการที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากในจ.สมุทรสาคร และเพิ่มมากขึ้นในอีกหลายจังหวัด ส่งผลทำให้ทางการในหลายจังหวัดมีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ ศบค. ได้ออกมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซน ตามสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้แก่ 1. พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ซึ่งขณะนี้มีเพียง 1 จังหวัด คือ จ.สมุทรสาคร 2. พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 3. พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) และ 4. พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ซึ่งในแต่ละพื้นที่ควบคุมทางการจะมีระดับของมาตรการที่ต่างกัน ซึ่งรวมถึงการจัดกิจกรรมงานเทศกาลเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564
เหตุการณ์ดังกล่าว นับเป็นข่าวร้ายต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยที่กำลังอยู่ในระยะของการเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงจังหวะเวลาที่กำลังจะเข้าสู่เทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญของการท่องเที่ยว เนื่องจากคนไทยส่วนหนึ่งมีแผนที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางกลับบ้านและมีการท่องเที่ยวทั้งในและนอกพื้นที่ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่วางแผนท่องเที่ยวพักค้างและเดินทางไปแบบเช้า/เย็นกลับ แต่จากการที่พบผู้ติดเชื้อกระจายไปในหลายพื้นที่ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวมีการปรับแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจแผนการเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (ระหว่างวันที่ 31ธ.ค. 63- 3 ธ.ค. 64) ของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นฐานตลาดขนาดใหญ่ของตลาดไทยเที่ยวไทย ระหว่างวันที่ 12 ธ.ค.-23 ธ.ค. 63 เพื่อสะท้อนภาพมุมมองของคนไทยในภาวะที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ต่อแผนการเดินทางท่องเที่ยว พบว่า
เหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลทำให้คนกรุงเทพฯ ปรับแผนอยู่บ้านในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 รอสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น
บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 นี้ จะแตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะเมื่อโรคโควิด-19 ได้กลับมาเยือนอีกครั้ง อย่างไรก็ดี แม้ว่าทางการจะไม่ได้มีมาตรการควบคุมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย แต่จากผลสำรวจพบว่า คนกรุงเทพฯ กว่า 54.8% ไม่มีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 โดยกว่า 40.7% เป็นการยกเลิกหรือเลื่อนแผนการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ได้วางแผนไว้ก่อนหน้าเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ขณะที่เหตุผลอื่นๆ อาทิ กลุ่มตัวอย่างเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวก่อนหน้านี้แล้ว หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่แต่มีแผนที่จะท่องเที่ยวหลังปีใหม่ และปัจจัยเศรษฐกิจในครัวเรือน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจพบว่า คนกรุงเทพฯ ประมาณ 30.9% ยังมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโควิดในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากหลังวันที่ 23 ธ.ค. 63 จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวจริงของผู้ตอบแบบสอบถาม สำหรับผู้ที่มีแผนเดินทางไปต่างจังหวัดนั้นจะมีทั้งการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวแบบพักค้างคืนและการเดินทางไปเช้า-เย็นกลับ โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มตัวอย่างที่ยังมีแผนเดินทางไปต่างจังหวัดมองว่า จังหวัดที่จะไปไม่พบการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างบางกลุ่มมีการปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และมีแผนจะเดินทางแต่อาจปรับเปลี่ยนได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดที่จะไป สำหรับจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของกลุ่มตัวอย่างที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวยังเป็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทางภูเขา โดยมีการกระจายการเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ มากขึ้น ไม่เพียงแต่เฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลักอย่างเชียงใหม่ เชียงรายและนครราชสีมา โดยเมืองท่องเที่ยวรองที่ได้รับความนิยม อาทิ น่าน เลย และพิษณุโลก เป็นต้น ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทางทะเลที่คนกรุงเทพฯ ยังเดินทางท่องเที่ยว อาทิ เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างกว่า 14.3% ยังมีความไม่แน่ใจ เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์ของโควิด-19 และมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ของทางการ
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 นี้ ยากที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ และคาดว่าจะทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว 4 วัน (ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค.64) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,850 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่สูญเสียไปประมาณ 58.4% ของรายได้ไทยเที่ยวไทยในช่วงเวลาปกติ 4 วัน ที่ไม่ได้เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีแผนเดินทางส่วนใหญ่จะรอให้สถานการณ์โควิดดีขึ้นจึงจะวางแผนท่องเที่ยวอีกครั้ง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในช่วงเวลานี้ ภาคการท่องเที่ยวคงจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข่าวการพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อหรือมีจำนวนผู้ติดเชื้อในอัตราที่ต่ำก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ของผู้ประกอบการ คือ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านช่องทางต่างๆ ของผู้ประกอบการ อาทิ เว็บไซต์ หรือช่องทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพื่อประกอบการตัดสินใจของลูกค้าที่จะมาใช้บริการหรือมีแผนที่จะเดินทางในช่วงนี้ และป้องกันการเกิดข่าวลืออันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังต้องรักษามาตรฐานความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมาใช้บริการนอกจากนี้ ผู้ประกอบการคงจะต้องเตรียมแผนรองรับการปรับเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการของภาครัฐที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามพัฒนการการระบาดของโควิด-19 ในระยะนี้
อย่างไรก็ดี จากการที่ทางการได้มีการออกมาตรการที่เข้มข้นในการควบคุมดูแลการระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัด และหากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในช่วงระยะเวลา 1 เดือนต่อจากนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาพรวมของตลาดไทยเที่ยวไทยน่าจะทยอยกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 1 ของปี 2564